งั้นเราไปสอบ DELF กันเล๊ยยยย!!!!
DELF A2
ก็จะมาเล่าเหตุการณ์หรือโมเมนต์ที่ประทับใจนะคะ ก่อนอื่นเลยขอยาดบ่น :
คือทั้งชีวิตนี้ไม่มีเรื่องที่ประทับใจหรือโมเมนต์ที่แบบ the best of live เลยค่ะ 😭 คือไม่ได้หมายความว่าทั้งชีวิตไม่มีนะคะ คือจากประสบการณ์การมีชีวิตอยู่ 17 ปีมามันยังไม่มีเรื่องไหนที่ทัชใจแบบ จับใจจู จนถึงขึ้นต้องให้เป็น Best moment เลยค่ะ คือมีอีเวนต์หรือเรื่องเข้ามาในชีวิตบ่อยมาก แต่ตัวฉันมองว่า มันยังไม่ใช่ที่สุด ชีวิตมันมีให้น่าประทับใจกว่านี้อ่ะค่ะ เอาเป็นว่าบ่นเยอะเกินละกลับเข้าสู่งานดีกว่า
ก็เหตุการณ์ที่เลือกมานะคะก็คือเหตุการณ์ที่ฉันไปสอบ DELF A2 Tout pubic ค่ะ ถามว่าทำไมต้องเลือกอันนี้ใช่มั้ยคะ ก็เพราะว่า การสอบ DELF เป็น 1 ในการสอบเพื่อวัดระดับภาษาของผู้เรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อไว้ใช้ต่อยอดศักยภาพของตัวเองให้สูงขึ้นกว่าเดิม ฉันเลยรู้สึกว่านี่แหละคือเหตุการณ์ที่ประทับใจมากที่เด็กอายุ 17 คนนึงจะยอมแบกสังขารตัวเองไปสอบ
เอาเป็นว่าเรามาเริ่มจากการเดินทางก่อนเนื่องจากสมาคมฝรั่งเศสหรือที่เด็กฝรั่งเศสอย่างเราเรียก Alliance Française โดยวิธีการเดินทางนะคะมีหลายทางมากๆ แต่ทางที่ฉันไปบ่อยที่สุดคือการไปทาง BTS แล้วต่อ MRT ลงสถานีสวนลุมออกประตู 4 ไปทางถนนวิทยุ (Wireless Road)แล้วเราก็จะสามารถเดินแบบเชิ่ดๆ เริ่ดๆ ตามประสาตัวมัมไปได้เลยค่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าปัจจุบันทางที่เดินค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีการก่อสร้างคอนโดเลยทำให้มีการก่อสร้างทั้งวัน รถก็เยอะบางครั้งเดินๆอยู่ก็กลัวโดนชนนะคะ 55555555 อ่อใช่ฉันลืมบอกเลยว่าไปสอบวันไหน ฉันไปสอบวันอาทิตย์ที่ 11 ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เลย 5555 แล้ววันนั้นฉันใส่ส้นสูง 2 นิ้วคือหดหู่สุดๆ แต่เพื่อความปังแบบ so many breads p'nut ก็ยอมได้ค่ะ แต่ดีหน่อยที่วันสอบเขามีรถมารับที่ปากทางเลยรอดตัวไป
และแล้วฉันก็มาถึง Alliance Française ตอน 10:15 แต่อุเบกขาสาธุ ฉันสอบ 11:15 มาถึงก่อนชั่วโมงนึง ประชาสัมพันธ์เลยบอกให้ฉันไปนั่งรอที่คาเฟ่ของ Alliance Française ซึ่งคาเฟ่ที่ว่าคือ CAFÉ MADEMOISELLE เป็นคาเฟ่ที่จะอยู่ชั้น 1 ของ Alliance Française ข้างในของกินเยอะมากแต่ขอบอกเลยว่า ถ้าคุณเงินไม่พออย่าคิดเข้าไปเพราะราคาของแพงมากของที่ถูกที่สุดคือ small crossiant ราคา 30 บาทไปจนถึงแพงสุดคืออาหารที่เรทราคา 100-200 บาทถือว่าค่อนข้างแพงสำหรับฉันเลย 😓😓😓 แต่ฉันก็พยายามเข้าใจว่าราคามันแบบราคานักท่องเที่ยว เพราะคนที่นั่นส่วนใหญ่ฉันหมายถึงคนที่ทำงานที่นั่น 50% คือคนฝรั่งเศสและอีก 50% คือคนไทย ราคาเลยอาจจะแพงไปหน่อย (แต่พี่ว่าไม่หน่อยนะคะขนาดนี้)
และการมาสอบครั้งนี้ก็ทำให้ฉันได้พบกับเพื่อนใหม่ๆและ เพื่อนเก่า จริงๆไม่ควรใช้คำว่าเพื่อนเพราะทุกคนแก่กว่าฉันหมดเลยตรงนั้น ต้องใช้คำว่า มิตรภาพใหม่ คือต้องขอเล่าก่อนว่าปีที่แล้วฉันก็สอบ DELF แต่เป็นของ A1 ตอนนั้นที่สอบได้เจอกับรุ่นพี่คนนึง พี่เขาชื่อ ทิวา พี่เขาเป็นคนน่ารักมากกกกกกกก แบบพี่เขาเป็นคนขี้เล่นมากแบบเจอใครทักหมดเลย "ข้อสอบทำได้ไหม" "ข้อสอบข้อนี้ถามว่าไรจำได้มั้ย" "ทำข้อสอบไม่ทันหรอปล่อยเลยเพราะพี่ก็ไม่ทัน" "อย่าไปกลัวสอบไม่ผ่านก็สอบใหม่" มันเลยทำให้ฉันรู้สึกว่าพี่เขาโคตรแบบพลังบวกมากกกกกก เป็นคนที่ไม่แคร์อะไรเลยจริงๆ อย่างข้อสอบข้อเขียนมี 2 หน้า หน้าแรก 15 คะแนน หน้าสอง 10 คะแนน พี่แกก็ไม่ทำหน้าสองพร้อมให้เหตุผลว่า "ก็หน้าแรกตั้ง 15 ไงก็ผ่าน" ตอนแรกที่ได้ยินฉันคือแบบหล่อนต้องบ้าแน่ๆ 10 คะแนนหายไปฟรีๆอ่ะนะ แต่ก็นั่นแหละแล้วยิ่งต้องทำพาร์ทพูดพี่แกก็คือไล่ถามทุกคนตอนออกจากห้องสอบว่า สอบพูดไงบ้าง" "ยากไหม" "ถามเยอะไหม" ตอนนั้นคือรู้สึกสนุกมากกับการไล่ถามคนที่ออกจากห้องสอบ 555555
กลับมาที่ปัจจุบันก็ตอนแรกจำพี่เค้าไม่ได้แต่พอรอสอบสัมภาษณ์ไปที่คาเฟ่แล้วรู้สึกคุ้นๆหน้าเลยทัก สรุปอ่อพี่เค้าจ้า เลยจำพี่เค้าได้ก็เลยรู้ว่าพี่เค้าสู้ชีวิตมากเพราะพี่เค้าบินมาจากภูเก็ตเมื่อวันเสาร์ตอนเช้าแล้วพอวันจันทร์ที่ 12 พี่เค้าจะนั่งรถไฟไปหาดใหญ่เพื่อทำงานต่อคือลา 3 วันเพื่อมาสอบ ทรงงานหนักสุดๆ อีกคนที่จะพูดถึงไม่ได้คือ พี่มายด์ พี่เขาเนี่ยมาสอบเพื่อเอาใบไปยื่นสอบ DELF B1 ของมหาลัยเพื่อไปเรียนต่อฝรั่งเศส เลยทำให้มาสอบรอบนี้พร้อมกับฉัน ซึ่งพี่เขาน่ารักมากเตรียมตัวมาดีสุดๆ และพี่เขาก็สอบสัมภาษณ์ก่อนฉัน ฉันได้สอบพูดรอบ 17:15 พร้อมพี่ทิวา แต่พี่มายด์สอบรอบ 15:15 เลยทำให้พี่เขาสอบเสร็จก่อนและพอพี่เขาสอบเสร็จพี่เขาก็กลับบ้านเลยเลยได้ถ่ายสตอรี่ไว้บันทึกความทรงจำแทน ต้องยอมรับเลยว่าวันนั้นค่อนข้างเหนื่อยแต่ก็สนุก เลยทำให้เป็นวันที่ฉันจะไม่มีวันลืมพี่ๆทั้งสองคนนนี้อย่างแน่นอน 100%
ประสบการณ์แน่น
ตอบลบ